จิตวิทยาเชิงบวกในสถานการณ์ที่ย่ำแย่

จิตวิทยาเชิงบวกในสถานการณ์ที่ย่ำแย่

ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ หรือสถานการณ์ที่ถูกกดดันในทุกด้าน จิตวิทยาเชิงบวกจึงเป็นกระบวนการคิดหนึ่งที่ควรนำมาใช้ เพราะการคิดบวกจะทำให้เราเกิดมุมมองใหม่ที่ดีขึ้นภายใต้สถานการณ์เดิม ปัญหาจะกลายเป็นความท้าทาย ความยากและกดดันจะกลายเป็นบททดสอบ

เนื้อหาจากสามก๊ก

ในศึกเซ็กเพ็ก โจโฉพ่ายแพ้พันธมิตรซุน-เล่าอย่างยับเยิน ต้องหนีหัวซุกหัวซุนกับไพร่พลที่เหลืออยู่น้อยนิด ขงเบ้งทราบทางหนีของโจโฉ จึงให้จูล่งนำทหารไปดักรอที่ ฮัวหลิมให้เตียวหุยนำทหารไปดักรอในหุบผาโฮโลก๊ก ทางเหนือเมืองอิเหลง สุดท้ายให้กวนอูนำทหารไปดักรอที่ฮัวหยง

โจโฉพาไพร่พลที่รอดชีวิตมาถึงฮัวหลิม เขาก็หัวเราะเยาะเย้ยแล้วพูดด้วยเสียงอันดังว่า “จิวยี่และขงเบ้งเป็นเด็กน้อย หากเป็นข้าจะนำทหารมาดักรอที่นี่” เหล่าทหารที่เหลือรอดพอได้ยินก็ อดที่จะยิ้มไม่ได้ ทว่าเพียงชั่วครู่จูล่งก็นำทหารบุกออกมาเล่นงานโจโฉสร้างความตกใจให้กับเหล่าทหารของโจโฉมาก

โจโฉและไพร่พลต่างหนีสุดชีวิต จนมาหยุดที่ที่ราบระหว่างเขาโฮโลก๊กเพื่อพักเหนื่อย โจโฉหันไปมองจำนวนทหารที่เหลือจากนับร้อยเหลือเพียงไม่กี่สิบ เพราะต่างก็หนีทัพเอาตัวรอด “ไอ้พวกใจเสาะคงไปหมดแล้วล่ะสิ ตอนนี้เหลือทหารกี่คน”

เทียหยกที่ปรึกษาโจโฉจึงบอกว่าเหลือ 27 คน โจโฉได้ฟังก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “สวรรค์ยังเมตตาเหลือทหารให้ข้าตั้ง 27 คน นึกถึงสมัยก่อนข้าลอบสังหารตั๋งโต๊ะล้มเหลว ขี่ม้าตัวเดียวหนีออกมาต้องอยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ ยิ่งกว่านี้ ต่อมาอีกไม่กี่ปี ข้าชูธงก่อการมีไพร่พลนับแสน มาถึงวันนี้ข้ามีไพร่พลที่ภักดีถึง 27 คนแล้วจะกลัวอะไรอีก ในเมื่อสวรรค์ไม่ทิ้งข้า ตัวข้าก็จะไม่ทำให้สวรรค์ผิดหวัง”

จากนั้นโจโฉก็หัวเราะปลอบขวัญแล้วจึงพูดว่า “อย่างไรข้าก็ขำถึงความโง่ของจิวยี่และความเขลาของขงเบ้ง พวกเจ้าดูทำเลแถวนี้สิหากวางไพร่พลเพียง 5,000 พวกเราก็คงไม่รอด”

พูดยังไม่ทันจบเตียวหุยก็นำไพร่พลที่ดักซุ่มบุกออกมาเล่นงานทัพโจโฉ ด้วยเหตุนี้ โจโฉและไพร่พลที่เหลือจึงต้องถอยหนีอย่างทุลักทุเลเพื่อเอาชีวิตรอด… 

ข้อสรุปแนวคิดจากเรื่องนี้

คุณผู้อ่านครับ โจโฉเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยมมากแม้สถานการณ์จะเลวร้าย ขวัญกำลังใจไพร่พลจะตกต่ำเพียงใดหรือถูกกดตันขนาตไหน ทว่าสำหรับผู้นำอย่างเขาจะไม่แสดงความอ่อนแหรือสิ้นหวังออกมาให้ใครเห็น เพราะหากผู้นำมีท่าทางลนลาน หมดกำลังใจ สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงไปอีกมาก และตัวเขาอาจต้องจบชีวิตด้วยน้ำมือของลูกน้องตนเอง

การที่โจโฉหัวเราะเยาะเยัยจิวยี่และขงเบ้งอาจดูเหมือนเรื่องตลกในสายตาของหลาย ๆ คน ทว่าสำหรับผมกลับมองว่านั่นคือสิ่งที่ทำได้ดีที่สุดในเวลานั้น เพราะมันคือวิธีการปลอบขวัญของโจโฉ หากเขาแสดงท่าทีตื่นกลัวหรือชมเชยในความสามารถของศัตรู

ก็จะกลายเป็นเชิดชูศัตรูทำลายขวัญไพร่พลตนเอง ซึ่งไม่ใช่วิธีการที่ชาญฉลาดของผู้นำภายใต้สถานการณ์ที่เลวร้าย โจโฉพยายามคิดบวกเพื่อสร้างขวัญกำลังให้ตนเองและไพร่พลที่เหลือ เขาพูดเองว่าสถานการณ์ตอนนี้ดีกว่าสมัยที่เขาล้มเหลวในการลอบสังหารตั๋งโต๊ะ

เพราะตอนนั้นมีแค่เขาแค่คนเดียวและต้องหนีหัวซุกหัวซุนผ่านไปไม่กี่ปีก็สามารถชูธงระตมไพร่พลนับแสน ตอนนี้สวรรค์ยังให้ไพร่พลที่ภักดิ์ต่อเขาถึง 27 คน ความหมายของโจโฉคือหากผ่านตรงนี้ไปได้ เพียงไม่นานเราก็จะลุกขึ้นมายิ่งใหญ่กว่าเติม

ผมบอกได้เลยว่า ภายใต้สถานการณ์อันวิกฤตแบบนี้ เขากลับคิดบวกได้อย่างน่าอัศจรรยั นับว่าเป็นผู้นำที่เหนือชั้นจริงๆ

———————————–

  • 📖 หนังสือ : อยู่อย่างฉลาด อยู่อย่างสามก๊ก
  • 📍 ผู้แต่ง : เปี่ยมศักดิ์ คุณากรประทีป
  • ✅สั่งหนังสือได้ที่ : https://bit.ly/3zu6Llk

บทความน่าอ่าน