กินกบตัวนั้นซะ (Eat that frog)

[สรุป+รีวิวหนังสือ] กินกบตัวนั้นซะ! (Eat that frog!)

ในบทความนี้ผมจะสรุปกินกบตัวนั้นซะ! (Eat that frog!) มาเล่าให้ฟังกันนะครับ

หนังสือเล่มนี้ผมจริงๆผมเคยลองเปิดดูในสมัยตอนที่เป็นเด็กประถมนะครับ แต่ตอนนั้นอ่านไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่เพราะจะเกี่ยวข้องกับการบริหารเวลา แต่เมื่อมาอ่านอีกทีในสมัยตอนทำงานนี้ก็รู้สึกว่าเป็นหนังสือที่ทรงคุณค่าและให้ประโยชน์กับตัวเองมากๆครับ

หนังสือกินกบตัวนั้นซะ! (Eat that frog!) เล่มนี้ มีจำนวนหน้าทั้งหมด 157 หน้า แต่งโดยโค้ชนักพัฒนาตัวเองชื่อดังของโลกคือไบรอัน เทรซี่ (Brian Tracy) ซึ่งเป็นหนังสือดังขายดีระดับโลก ยอดขายทะลุ 1.6 ล้านเล่ม ซึ่งเป็นหนังสือเกี่ยวกับการบริหารเวลาพัฒนาตัวเอง สามารถทำงานให้ได้มากขึ้นในเวลาที่น้อยลง ในหนังสือนั้นจะมี 21 วิธี หยุดการผัดวันประกันพรุ่ง 

ใจความหลักๆที่หนังสือเล่มนี้ เปรียบเทียบง่ายๆ ว่างานยากๆนั้นเปรียบเสมือน “กบ” ที่น่าเกลียด ที่หลายๆคนอยากจะเบือนหน้าหนี  โดยที่ไม่รู้เลยว่าถ้า “กินกบ” ตัวนั้นเข้าไป หน้าที่การงานและชีวิตก็ดีขึ้นอย่างมหาศาล ยิ่งคุณกินกบตัวใหญ่เท่าไหร่ ชีวิตของคุณก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น นั่นเอง 

สารบัญ

#ทำไมคุณถึงควรอ่านหนังสือเล่มนี้?

  • ทำให้คุณสามารถบริหารเวลาได้ดีขึ้น ทำงานได้มากขึ้น ใช้เวลาน้อยลง 
  • อ่านครั้งเดียวสามารถนำความรู้เหล่านี้ไปใช้ได้ตลอดชีวิต 
  • เวลานั้นเป็นทรัพย์สินที่มีค่ามากที่สุด เงินทองนั้นสามารถหาใหม่ได้ แต่เวลาไม่สามารถหวนกลับมาคืนได้
  • หนังสือเล่มนี้อ่านค่อนข้างง่ายและใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงก็จบ แต่ถ้าหากคุณไม่มีเวลาก็สามารถอ่านบทความนี้แล้วนำความรู้ไปใช้ได้เลยนะครับ

#21 เคล็ดลับในการบริหารเวลาและหยุดผัดวันประกันพรุ่ง 

ในส่วนของบทความนี้ผมจะเล่าถึงเคล็ดลับหลักๆจาก หนังสือกินกบตัวนั้นซะ เลยนะครับโดยจะสรุปเป็นหัวข้อมาให้ และสิ่งที่หนังสือนี้เน้นย้ำนะครับ คือเรื่องของการนำไปใช้ ลงมือปฏิบัติจริงๆ ให้ทำการทบทวนหลักการเหล่านี้เป็นประจำ ลงมือกระทำอย่างต่อเนื่อง จนกว่ามันจะฝังรากลึกในความคิดของคุณเองและติดเป็นนิสัยทำงานตลอดชีวิต

1.จัดโต๊ะ

ในการที่คุณจะวางเป้าหมายว่าตัวไหนเป็น “กบ” ของคุณ แล้วจะลงมือกินมัน คุณต้องตัดสินใจอย่างชัดเจน ว่าสิ่งไหนเป็นสิ่งที่คุณต้องการในชีวิตกันแน่และต้องการชนะมันอย่างแท้จริง โดยมีขั้นตอนในการวางแผนดังนี้

  • ขั้นตอนที่ 1 : ตัดสินใจให้แน่ชัดว่าคุณต้องการอะไร
  • ขั้นตอนที่ 2 : เขียนมันออกมา จงคิดบนกระดาษ
  • ขั้นตอนที่ 3 : กำหนดเส้นตายให้กับเป้าหมายของคุณ 
  • ขั้นตอนที่ 4 : ระบุสิ่งที่คุณต้องทำเพื่อบรรลุเป้าหมายออกมาเป็นข้อๆ 
  • ขั้นตอนที่ 5 : เปลี่ยนสิ่งที่ต้องทำให้อยู่ในรูปแบบของแผนงาน 
  • ขั้นตอนที่ 6 : ลงมือทำตามแผนทันที 
  • ขั้นตอนที่ 7 : ตั้งใจอย่างแน่วแน่ ว่าจะลงมือทำอะไรบางอย่าง ทุกๆวัน เพื่อให้เข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้น 

นอกจากนี้ในหนังสือยังกล่าวว่าให้คุณทบทวนเป้าหมายในทุกๆเช้า และเริ่มต้นลงมือกับงานที่สำคัญที่สุดก่อนในทุกๆวัน

2.วางแผนทุกวันไว้ล่วงหน้า

เชื่อหรือไม่ครับว่าทุก 1 นาทีที่คุณใช้วางแผนจะช่วยให้ประหยัดเวลาได้ถึง 10 นาทีในการลงมือปฏิบัติ และในขณะที่คุณได้ทำตามงานที่คุณได้วางแผนไว้แล้วได้ขีดฆ่าออกไปในแต่ละงาน จะทำให้คุณนั้นมีกำลังใจและมีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้นเรื่อยๆ 

3.ใช้กฎ 80/20 กับทุกเรื่อง 

ในทุกเรื่องนั้นจะมีงาน 20% ที่เป็นงานที่มีคุณค่ามากกว่างานอีก 80 % ของงานที่เหลือรวมกัน ดังนั้นจงให้เวลากับงานที่มีคุณค่ามากขึ้นและใช้เวลาน้อยลงกับงานที่มีคุณค่าต่ำ 

4.คำนึงถึงผลลัพธ์ที่ตามมา

งานที่สำคัญคืองานที่ส่งผลให้กับคุณในระยะยาว ดังนั้นก่อนที่คุณจะลงมือทำอะไรให้ถามตัวเองก่อนว่า “กิจกรรมหรือโครงการอะไรที่ฉันทำได้ดีและทำได้ทันทีและส่งผลกับชีวิตให้เป็นบวกได้ในระยะยาว”

5.ฝึกผัดวันประกันพรุ่งอย่างสร้างสรรค์ 

ความจริงอย่างหนึ่งก็คือเราไม่สามารถทำทุกอย่างในสิ่งที่เราอยากจะทำได้ทั้งหมด เราจำเป็นจะต้องผัดผ่อนงานบางอย่างออกไป ดังนั้นจงเลือกผลัดผ่อนงานเล็กๆน้อยๆกบตัวเล็ก(งานไม่สำคัญ) และเลือกกินกบตัวใหญ่และอัปลักษณ์ก่อนเป็นอันดับแรก(งานสำคัญส่งผลกระทบกับชีวิต)

6.มันใช้เทคนิค ABCDE อยู่เสมอ 

ก่อนที่จะเริ่มลงมือทำงานตามงาน จงใช้เวลาคู่หนึ่งในการจัดลำดับความสำคัญของงาน โดยให้งาน “A” คืองานที่สำคัญที่สุดของคุณ และให้งาน “B C D E” คืองานที่สำคัญรองลงมา 

7.ให้ความสำคัญกับหน้าที่หลัก

ให้ลองนึกดูว่า “ทำไมบริษัทถึงจ้างคุณ” นั้นแหล่ะครับคือหัวใจสำคัญของงานคุณคืออะไรและตั้งใจทําให้ดีที่สุด

8.ประยุกต์ใช้กฎทอง 3 ประการ

โดยปกติแล้ว ธุรกิจหรือองค์กรของคุณได้รับประโยชน์จากงานที่คุณทำเพียง 3 อย่างเท่านั้น ดังนั้นหากคุณสามารถบ่งชี้งานทั้ง 3 อย่างออกมาที่สำคัญที่สุด แล้วทุ่มเทให้กับงานนั้นอย่างเต็มที่ คุณจะสามารถสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมออกมาได้

9.เตรียมการอย่างรอบคอบก่อนเริ่มงาน

การเตรียมการรอบคอบก่อนเริ่มงานนั้นจะสามารถทำให้คุณสร้างผลงานได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากคุณต้องการเขียนหนังสือเล่มหนึ่งก็ให้เริ่มจากการทำความสะอาดโต๊ะ เตรียมเอกสารต่างๆมาไว้บนโต๊ะที่จะเขียนเรื่องราวนั้นๆ จากนั้นให้ทำการลงมือทำอย่างเต็มความสามารถนั้นเอง

10.จับตามองถังน้ำมันทีละถัง 

มีภาษิตโบราณกล่าวไว้ว่า “ก้าวใหญ่ๆแสนเข็ญ ก้าวเล็กๆเย็นใจ” วิธีการที่คุณจะเลิกการผัดวันประกันพรุ่ง นั่นคือให้เลิกกังวลกับงานที่ยากแสนเข็ญที่อยู่ตรงหน้า แล้วพรุ่งความสนใจไปกับสิ่งที่คุณสามารถทำได้ทีละอย่าง หรืออาจกล่าวได้ว่าถ้าหากคุณอยาก “กินช้างทั้งตัว” นั้นจะทำยังไง คำตอบก็คือ “ก็ต้องกินทีละคำ” ไงครับ 

11.พัฒนาทักษะสำคัญๆ ของคุณให้ดีขึ้น

การหมั่นศึกษาหาความรู้นั้นเป็นพื้นฐานของความสำเร็จในทุกๆด้าน โดยในหนังสือได้กินกบตัวนั้นซะได้แนะนำไว้ว่า

  • ขั้นที่ 1 : อ่านเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์ต่อวิชาชีพของคุณอย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมงคุณอาจจะตื่นเช้าขึ้นมาเร็วขึ้น 1 ชั่วโมงเพื่อทำการอ่านหนังสือเหล่านี้
  • ขั้นที่ 2 : สมัครเข้าเรียนอบรมทุกหลักสูตร ทุกงานสัมมนาที่เกี่ยวกับวิชาชีพของคุณ เข้าร่วมประชุมกับเพื่อนฝูงที่อยู่ในธุรกิจเดียวกับคุณ และทำการซื้อซีดีเพื่อมานั่งฟัง 
  • ขั้นที่ 3 : ฟังซีดีความรู้ในขณะขับรถ โดยเฉลี่ยโดยทั่วไปแล้วคนเรามักจะขับรถประมาณ 500 – 1000 ชั่วโมงต่อปี จงเปลี่ยนเวลาขับรถให้เป็นเวลาแห่งการเรียนรู้ แค่ฟังซีดีในขณะที่คนขับรถก็สามารถเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนที่ฉลาดมากที่สุด มีความสามารถมากที่สุด แต่ได้รับค่าตอบแทนมากที่สุดในสาขาอาชีพของคุณแล้ว

ยิ่งคุณเรียนรู้มาก คุณก็ยิ่งต่อยอดความรู้ของคุณได้มาก คุณสามารถเพิ่มพลังสมองด้วยการออกกำลังกายสมองนั้นเอง

12.นำความสามารถพิเศษของคุณมาใช้ให้เกิดผล

ลองพิจารณาดูว่าตัวคุณของคุณนั้นถนัดในด้านอะไร มีพรสวรรค์ในด้านอะไร สามารถทำงานไหนได้ดี แล้วก็ให้ทำการทุ่มเทกับงานๆให้เต็มที่ 

13.มองหาข้อจำกัดของคุณ

พิจารณาคอขวดหรือจุดสกัดทั้งภายในหรือภายนอกที่เปนตัวกีดขวางในการบรรลุเป้าหมายสําคัญที่สุดของคุณ และตั้งอกตั้งใจทำให้มันบรรเทาเบาบางลง

14.สร้างแรงกดดันให้กับตัวเอง

คุณอาจจะสมมุติว่าคุณต้องไปเที่ยวต่างจังหวัดในระยะ 1 เดือน และคุณต้องทำงานให้เสร็จเรียบร้อยก่อนออกเดินทาง เพื่อสร้างความกดดันให้กับตัวเองให้ทำงานชิ้นนั้นให้สำเร็จ

15.เพิ่มพลังของคุณให้ไปจุดสูงสุด

ร่างกายของคุณนั้นเปรียบเสมือนเครื่องจักร ที่ต้องการอาหาร ต้องการน้ำ ต้องการการพักผ่อน ถ้าคุณได้ทำการดูแลร่างกายของคุณได้อย่างดีคุณจะสามารถทำงานได้เร็วกว่าตอนที่คุณเหนื่อยป่วย ได้ถึง 2 ถึง 5 เท่าเลยทีเดียว 

  • การทำงานมากเกินไปอาจจะทำให้คุณสร้างผลงานได้น้อยลง 
  • ทำงานในช่วงเวลาที่คุณมีประสิทธิภาพด้วยตัวของคุณเอง 
  • นอนหลับให้เพียงพอ
  • ดูแลสุขภาพของคุณให้ดี

16.กระตุ้นตัวเองให้ลงมือทำ

จงเป็นเชียรลีดเดอร์ใหกับตัวคุณเอง มองหาแต่สิ่งดีๆในทุกสถานการณ์มองโลกในแง่ดีและสร้างสรรค์อยู่เสมอแม้ในขณะที่มีปัญหา

17.สละตัวให้พ้นจากกับดักทางเทคโนโลยี

ในโลกปัจจุบันนั้นเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเหลือเราค่อนข้างมากแต่อย่าให้เวลาของคุณตกเป็นทาสของมัน การหมกหมุ่นที่จะใช้โทรศัพท์มือถือโต้ตอบกับคนอื่นตลอดเวลานั้นเป็นสิ่งที่แย่สิ้นดีเพราะมันจะไม่มีเวลาให้กับตัวคุณเองเลย คุณอาจสร้างระบบในการตรวจสอบข้อมูลเช่น จะนั่งเคลียร์อีเมลในตอนช่วงบ่าย ตอบไลน์ถัดไปในอีกชั่วโมงนึง 

18.หั่นงานเป็นชิ้นๆ

แบ่งงานใหญที่ซับซ้อนลงเป็นงานย่อยๆ แลวเริ่มลงมือทําทีละชิ้น

19.สร้างช่วงเวลาขนาดใหญ่

แบ่งเวลาของคุณนั้นออกเป็นช่วงเวลาใหญ่ๆ เพื่อที่จะได้ทุ่มเทสมาธิให้กับงานชิ้นนั้นเป็นเวลานาน ๆ ใหกับงานที่สําคัญที่สุด

20.สร้างสำนึกแห่งความเร่งด่วน

สำหรับผู้ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง เขาจะมีความสามารถในการทำงานที่สำคัญให้เสร็จแบบรวดเร็ว 

21.แน่วแน่กับงานทุกอย่างที่ทำ 

จัดลำดับความสำคัญของงานให้ชัดเจน เริ่มลงมือทำงานที่สำคัญที่สุดทันที และทำไปโดยไม่หยุดจนกว่าจะเสร็จสมบูรณ์ นี่คือกุญแจสำคัญที่ทำให้งานนั้นสำเร็จและมีประสิทธิภาพ 

ก็จบไปแล้วนะครับสำหรับสรุปเนื้อหา กินกบตัวนั้นซะ! (Eat that frog!) หวังว่าเพื่อนๆจะได้รับประโยชน์ไม่มากก็น้อยในบทความนี้นะครับ

สามารถซื้อหนังสือได้ที่ลิงค์นี้


แนะนำบทความที่น่าสนใจ