ไอเดียงบการเงินของพ่อรวยสอนลูก

[สรุป+ไอเดีย] การเงินของ พ่อรวยสอนลูก

โรเบิร์ต คิโยซากิ นักเขียนชื่อดังระดับโลกที่ได้เขียนหนังสือขายดีตลอดกาลนั่นคือ หนังสือชุด “Rich Dad Poor Dad” หรือ “พ่อรวยสอนลูก” ซึ่งต้องบอกว่าในยุคศตวรรษที่ 21 นี้คงมีน้อยคนนัก ที่หากจะเริ่มต้นศึกษาความรู้ทางการเงินแล้วไม่รู้จักหนังสือซีรีย์นี้ ซึ่งกูรูทางการเงินหลายๆคนได้ยกให้หนังสือชุดนี้เป็นไอเดีย พ่อแบบ ที่ประพฤติปฏิบัติกันเพื่อไปสู่ อิสรภาพทางการเงิน 

โดยในบทความนี้จะมาสรุปถึงเนื้อหาหนังสือเล่มนี้ รวมถึงไอเดียต่างๆที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้นะครับ 

1.ประวัติหนังสือแห่งตำนาน

ไอเดียการเงิน พ่อรวยสอนลูก

หนังสือชุดพ่อรวยสอนลูกนี้ แต่งโดยลูกครึ่งอเมริกันญี่ปุ่นชื่อ โรเบิร์ต คิโยซากิ 

จากจุดเริ่มต้นนั้นทางผู้แต่งเองไม่ได้คิดจะแต่งหนังสือแต่คิดจะ ขายเกมกระแสเงินสด (Cash Flow) ซึ่งเป็นบอร์ดเกมที่คล้ายกับ เกมเศรษฐี นั่นเองแต่จะพิเศษกว่าในเรื่องของความคิดในการ ซื้อทรัพย์สินและหนี้สิน แล้วจะจบเกมได้เมื่อคนใดก็ตามสามารถบรรลุอิสรภาพทางการเงินหรือพูดง่ายๆก็คือมี Passive Income มากกว่ารายจ่ายประจำ ก็จะชนะไปในเกมนั้น

ไอเดียการเงิน พ่อรวยสอนลูก

ผลปรากฎออกมาว่าเมื่อทำการขายบอร์ดเกมส์ชุดนี้ไม่สามารถทำยอดขายได้ดีเลย เพราะในสมัยนั้นไม่มีใครเข้าใจคอนเซ็ปต์ ทางการเงินของคุณโรเบิร์ต

ทางคุณโรเบิร์ตก็เลยเปลี่ยนวิธีจากการขายบอร์ดเกมมาเป็นออกหนังสือพ่อรวยสอนลูกเล่มแรกในปี 1997 ซึ่งผลปรากฏว่าก็ได้ผลตอบรับดีอย่างมาก เพราะมีแนวความคิดหรือไอเดียทางการเงินที่แปลกใหม่ในสมัยยุคนั้นยกตัวอย่างเช่น

-บ้านคือหนี้สิน

-คนรวยไม่ทำงานเพื่อเงิน 

-คนรวยรู้จักเพิ่มทรัพย์สิน และมีธุรกิจของตัวเอง

-ทรัพย์สิน คือ อะไรก็ตามที่ทำให้เงินเข้ากระเป๋า หนี้สิน คือ อะไรก็ตามที่ทำให้เงินออกจากกระเป๋า

-พ่อจนสอนว่า ตั้งใจเรียนจะได้ทำงานบริษัทที่มั่นคง พ่อรวยสอนว่า ตั้งใจเรียนจะได้ซื้อบริษัทที่มั่นคง

แน่นอนครับแนวคิดนี้อาจจะดูเป็นเรื่องปกติในปัจจุบัน แต่ในสมัยปี 1997 ถือว่าเป็นแนวคิดที่แปลกใหม่มากและก็มีหลายกลุ่มที่ไม่ชอบแนวคิดนี้และได้โจมตีให้ร้ายอยู่ตลอดแต่ผลปรากฏว่าเมื่อผ่านมาหลายปีแล้ว แนวความคิดชุดนี้ก็ถือว่าเป็นตำนานและใช้ได้ผลกันจริงมาในถึงปัจจุบัน

ผมเคยอ่านหนังสือเล่มนี้ตอนสมัยมัธยมครับซึ่งตอนนั้นเนี่ยก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเนื้อหาทั้งหมดเท่าไร เพราะยังไม่เคยได้ทำงานประจำ มีเงินเดือนจริงๆ เมื่อได้โตขึ้นผ่านมาอีก 2-3 ปีได้อ่านอีกรอบนึง ก็พอเห็นภาพขึ้น และในปัจจุบันก็ได้อ่านอีกรอบนึงซึ่งต้องบอกว่าในหนังสือเล่มนี้เนี่ยผมอ่านมาไม่ต่ำกว่า 5-6 รอบแล้ว

ในการอ่านหนังสือเล่มนี้ในแต่ละรอบนั้นก็ได้ความคิดที่ตกผลึกมาไม่เหมือนกัน มันทำให้รู้สึกว่าการอ่านหนังสือเล่มนี้ในแต่ละช่วงชีวิตนั้นเราจะได้เรียนรู้เพิ่มเติมขึ้นเรื่อยๆ เพราะทั้งความรู้ หน้าที่การงาน การเงิน และประสบการณ์ที่ผ่านมานั้นได้เพิ่มขึ้นและก็ได้มาขัดเกลาแนวคิดจากหนังสือเล่มนี้ทำให้เดินทางไปถูกจุดเพื่อเข้าใกล้อิสรภาพทางการเงินมากขึ้นเรื่อยๆ 

จนถึงปัจจุบันนี้หนังสือชุดซีรีย์พ่อรวยสอนลูกนั้นมีวางขายตามร้านหนังสือชั้นนำมากกว่า 30 เล่มแล้วแต่เนื้อหาที่ผมอยากจะแนะนำให้อ่านเล่มหลักๆมี 3 เล่มด้วยกันคือ 

ไอเดียการเงิน พ่อรวยสอนลูก

พ่อรวยสอนลูกเล่มที่ #1 พ่อรวยสอนลูก (Rich Dad Poor Dad)

เล่มนี้จะเป็นการปูพื้นฐานทั้งหมดของความคิดคนรวยซึ่งในบทความนี้จะมีการแนะนำเบื้องต้นนะครับ

ไอเดียการเงิน พ่อรวยสอนลูก

พ่อรวยสอนลูกเล่มที่ #2 เงินสี่ด้าน เส้นทางอิสรภาพทางการเงินที่ทุกคนใฝ่ฝัน (Rich Dad’s Cashflow Quadrant) 

เล่มนี้จะสอนถึงเงินที่ได้ในจากงานในแต่ละประเภท รวมถึงวิธีหลักการในการข้ามการหารายได้แบบประจำเป็นเจ้าของธุรกิจ 

ไอเดียการเงิน พ่อรวยสอนลูก

พ่อรวยสอนลูกเล่มที่ #3 พ่อรวยสอนลงทุน (Rich Dad’s Guide to Investing)

เล่มนี้จะสอนแนวคิดถึงหลักการลงทุนว่าควรจะลงทุนอย่างไร 

เบื้องต้นผมขอแนะนำเนื้อเรื่องหลักของหนังสือเล่มหนึ่งก่อนนะครับ

ตัวละครหลักก็คือตามหนังสือชื่อเรื่องจะมีตัวละครเอกสองคนคือพ่อจน และ พ่อรวย ซึ่งลักษณะนิสัยและแนวคิดของสองคนนี้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง 

พ่อจนนั้นคือพ่อแท้ๆของคุณโรเบิร์ต ซึ่งมีการศึกษาสูงจบปริญญาเอกและทำงานราชการเป็นคุณครู แต่ตอนบั้นปลายชีวิตกลับมีความพลิกผันตกงานทำให้เงินที่เก็บมาอันน้อยนิดได้หมดไปเหลือแต่หนี้สิน 

ส่วนพ่อรวยนั้นเป็นคนที่มีการศึกษาไม่สูงและชีวิตมาจากติดลบได้ค่อยๆดำเนินสร้างธุรกิจและครอบครองอสังหาริมทรัพย์จนสุดท้ายบั้นปลายชีวิตมีครอบครัวที่มีความสุขและร่ำรวยมหาศาล

2.ไอเดียความคิดของคนรวย

ไอเดียการเงิน พ่อรวยสอนลูก

สำหรับไอเดียของพ่อทั้งสองนั้นมีหลายๆอย่างที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงผมขอยกตัวอย่างนี้นะครับ

พ่อจน : บ้านคือทรัพย์สินชิ้นใหญ่ที่สุดของชีวิต

พ่อรวย : บ้านคือหนี้สิน เพราะทำให้เงินออกจากกระเป๋า

 

พ่อจน : เรียน เพื่อให้ได้เงินเดือนสูงๆ

พ่อรวย : เรียน เพื่อรู้วิธีใช้เงินทำงานแทนเรา

 

พ่อจน : คนรวยควรเสียภาษีมากๆ เพื่อช่วยคนจน 

พ่อรวย : ภาษีทำโทษคนขยัน ให้รางวัลคนขี้เกียจ

 

พ่อจน : ประหยัดทุกบาททุกสตางค์เพื่อสะสมเงิน 

พ่อรวย : ใช้ทุกบาททุกสตางค์เพื่อการลงทุน

น่าจะเริ่มเห็นความคิดเบื้องต้นของพ่อทั้งสองแล้วนะครับว่าค่อนข้างทรุดลงไปในแนวทางของตัวเองซึ่งต้องบอกว่าทั้งคู่เนี่ยเป็นคนดีนะครับแต่แนวคิดของการใช้ชีวิตเนี่ยต่างกันสิ้นเชิงซึ่งจะทำให้ ผลลัพธ์ต่างกันในระยะยาว

ผมจะเล่าถึงเนื้อหาใจความสำคัญของหนังสือเล่มที่ 1 ให้ฟังนะครับโดยจะไม่เข้าเนื้อหาทั้งหมดพอไม่งั้นบทความนี้จะยาวเกินไป แต่ผมจะเล่าถึงแก่นประเด็นสำคัญของหนังสือเล่มนี้ พ่อรวยสอนลูกเล่มที่ 1 นั้นแบ่งเป็น 6 บท ดังนี้ครับ 

ไอเดียพ่อรวยสอนลูกข้อหนึ่ง คือ คนรวยไม่ทำงานเพื่อเงิน 

ไอเดียการเงิน พ่อรวยสอนลูก

หลายๆคนอาจจะตกใจนะครับว่าคนรวยไม่ทำงานเพื่อกันแล้วทำงานเพื่ออะไร???

คำตอบเป็นแบบนี้ครับ 

ในขณะที่คนจนตั้งใจที่จะทำงานหาเงินต่อไปเพื่อรายได้ที่เพิ่มขึ้นเรื่อย หรือพูดง่ายๆก็คือพยายามหางานใหม่ที่รายได้มากกว่าเดิมและแน่นอนครับมันก็จะมาพร้อมกับภาระหน้าที่ของงานงานที่มากกว่าเดิมและเพื่อสร้างหนี้สินให้ได้มากกว่าเดิม

คนรวยก็พยายามหาเงินในช่วงแรกแต่จะโฟกัสไปที่การหาความรู้และสร้างทรัพย์สินไปด้วย เมื่อได้เงินมาก็จะนำเงินในส่วนนี้ไปซื้อทรัพย์สินหรือสร้างทรัพย์สินขึ้นมาเพื่อวันหนึ่งจะได้มีกระแสเงินสดที่มากพอและสามารถเลี้ยงตัวเองได้โดยไม่ต้องทำงาน

ยกตัวอย่างง่ายๆครับเช่นมีชายสองคนที่ทำอาชีพปลูกถั่วงอกขายถั่วงอกเนี่ยใช้เวลาเพียงแค่ 2-3 วันก็สามารถนำไปขายได้ แล้วได้เงินมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน 

สำหรับชายคนที่หนึ่งนั้น เมื่อได้เงินมาก็นำไปใช้จ่ายจนหมด จึงต้องทำงานปลูกถั่วงอกแบบนี้ไปตลอดชีวิต 

สำหรับคนที่สองนั้นเมื่อได้นำเงินมาก็ใช้จ่ายส่วนหนึ่งและอีกส่วนหนึ่งก็นำไปซื้อเมล็ดแอปเปิ้ล เมล็ดมะม่วงเพื่อมาปลูกต่อ  ซึ่งในระยะยาวแล้วคนที่ 2 เมื่อนำเมล็ดเหล่านี้ไปปลูกเผื่อไว้ก็สามารถเก็บกินดอกผลจากต้นแอปเปิ้ลและต้นมะม่วงเหล่านี้ได้ในระยะยาวโดยไม่ต้องทำงานอีกต่อไป 

ไอเดียพ่อรวยสอนลูกข้อสอง คือ ความรู้ทางการเงินนั้นสำคัญกว่าเงิน 

ไอเดียการเงิน พ่อรวยสอนลูก

เคยสงสัยไหมครับว่าทำไมความรู้ทางการเงินถึงไม่มีสอนในโรงเรียน? 

คำตอบ เพราะโรงเรียนจำเพียงแค่สอนให้คุณเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อออกมาทำงานเป็นฟันเฟืองเพื่อพัฒนาให้กับประเทศ แต่ไม่จำเป็นที่จะต้องสอนเรื่องการเงินเพื่อให้ทุกคนรวยถูกต้องไหมครับ 

ดังนั้นความรู้ทางการเงินจึงเป็นสิ่งที่ทุกคนจะต้องไขว่คว้าหาความรู้มาด้วยตัวเองครับ 

ความคิดผิดๆที่หลายๆคนคิดว่าการหารายได้ได้เยอะก็จะรวยนั้นไม่เป็นความจริง เพราะการหารายได้มาแล้วเราไม่สามารถบริหารเงินจนสามารถเก็บนำไปลงทุนและสามารถงอกเงยมาหาเราได้เงินที่หามาได้ก็คือศูนย์เปล่าครับ 

มีการศึกษามาว่า หลายๆคนที่มีรายได้สูงแต่ปรากฏว่าเป็นหนี้มากกว่าทำให้มีรายจ่ายต่อเดือนมากกว่ารายได้ ก็ไม่สามารถพบอิสรภาพทางการเงินได้เช่นกัน 

ความรู้พื้นฐานที่ทุกคนควรจะมีก็คือเรื่องของ

2.2.1) การหารายได้ (Earning) 

2.2.2) การใช้จ่าย (Spending) 

2.2.3) การลงทุน (Investing) 

2.2.4) การเก็บออม (Saving) 

คนส่วนใหญ่จะมีความรู้เฉพาะการหารายได้ แล้วนำรายได้ไปใช้จ่าย แค่นั้น แต่การที่จะเอาตัวรอดในเกมการเงินนั้นจะต้องมีความรู้ในเรื่องของการลงทุน และการออมด้วย ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับบุคคลนั้นด้วยว่ามีหารายได้มาเพียงพอกับรายจ่าย และมีเงินเพียงพอที่จะนำมาลงทุนและออมหรือไม่

นอกจากเรื่องของตี๋ด้านนี้คุณโรเบิร์ตยังแนะนำให้ศึกษาเรื่องของความรู้พื้นฐานทางด้านการเงิน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ งบรายรับ-รายจ่าย, งบกระแสเงินสด, งบกำไร-ขาดทุน

และ Concept ที่สำคัญของหนังสือเล่มนี้คือ

ทรัพย์สิน คือ สิ่งที่ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น หรือนำเงินเข้าในกระเป๋า 

หนี้สิน คือ สิ่งที่ทำให้มีรายจ่ายเพิ่มขึ้น หรือนำเงินออกจากกระเป๋า 

ประเด็นที่เป็นที่ถกเถียงกันมากที่สุดก็คือเรื่องของ บ้าน 

ในมุมมองของนักบัญชีจะมองว่าเนี่ยเป็นทรัพย์สินตลอดเวลา 

แต่ Concept ของหนังสือพ่อรวยสอนลูกนี้จริงๆแล้วบ้านสามารถเป็นได้ทั้งทรัพย์สินและหนี้สิน ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน เช่น

บ้านจะเป็น ทรัพย์สิน เมื่อเราสามารถได้กระแสเงินสดบวกจากบ้าน เช่นเรานำบ้านไปปล่อยเช่า (ค่าเช่ารายเดือนเกินค่าผ่อนชำระต่อเดือนจนมีกระแสเงินสดเป็นบวก)

บ้านจะเป็น หนี้สิน เมื่อเรานั้นไม่ได้รับเงินจากบ้านแต่เราต้องจ่ายเงินออกอยู่ตลอดเวลา เช่น บ้านที่เราอยู่อาศัยเอง เราจะต้องจ่ายค่าผ่อนบ้าน ค่าประกัน ค่าซ่อมแซมส่วนสึกหรอ ค่าตกแต่ง เป็นต้น

สรุปความรู้เนื้อหาพื้นฐานทางการเงินอีกเรื่องนึงคือเรื่องของ งบการเงินเบื้องต้น นะครับ 

ความสัมพันธ์ของงบการเงินเบื้องต้น และสรุปถึงการเปรียบเทียบงบการเงินของคนรวย คนชั้นกลางและคนจนนั้นเป็นอย่างไร?

ไอเดียการเงิน พ่อรวยสอนลูก

งบการเงินของคนจน

จะเห็นว่าคนจนนั้นมีทิศทางการไหลของงานมาเป็นเงินเดือนแล้วก็ไหลออกไปกับรายจ่ายทุกเดือนเช่น อาหาร,ค่าเช่า,ค่าอาหาร,ค่าเดินทาง และสุดท้ายคือใช้หมดนั้นเอง

งบการเงินของคนชั้นกลาง

จะเห็นคนชั้นกลางอาจจะดูดีขึ้นมาหน่อยคือเขาซื้อบ้าน และรถแต่สุดท้ายเขาจ่ายเงินกับบ้านค่าผ่อนชำระเหล่านี้ไปทุกเดือนจนหมด

งบการเงินของคนรวย

จะเห็นว่าคนรวยนั้นช่องทรัพย์สินของเรามีเครื่องผลิตเงินเป็นรายได้อัตโนมัติเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นบ้านให้เช่า,หุ้น,กองทุน,ทรัพย์สินทางปัญญา ทรัพย์สินเหล่านี้ผลิตเงินให้กับเขาทุกปีโดยที่ไม่ต้องทำงาน หากเหลือก็นำมาลงทุนสร้างสินทรัพย์ต่อให้เกิดความมั่งคั่งยิ่งขึ้น

ประเด็นคืออย่างนี้ครับ ถ้าเราอยากให้งบการเงินของเราขยับมั่งคั่งขึ้นเป็นงบการเงินของคนรวยมากขึ้นทุกปี เราควรค่อยๆสร้างทรัพย์สินที่สามารถสร้างรายได้ให้กับเราขึ้นทุกปีด้วย(นอกจากที่จะสร้างแต่หนี้สินถ่วงเรา) ซึ่งแน่นอนต้องอาศัยความพยายามหาความรู้ทางการเงินอย่างถูกต้อง การลงทุน ความมีวินัย ผมเชื่อว่าไม่นาน คุณก็จะสร้างงบการเงินของคุณให้เป็นคนรวยได้ และค้นพบกับอิสรภาพทางการเงินครับ

ไอเดียพ่อรวยสอนลูกข้อสาม คือ คนรวยรู้จักเพิ่มทรัพย์สิน และมีธุรกิจของตัวเอง

อย่างที่เคยเกริ่นไปนะครับว่าถ้าอยากรวยต้องเพิ่มทรัพย์สินให้ตัวเองตลอดทุกปี อย่าเพิ่มหนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้

สำหรับคำว่ามีธุรกิจเป็นของตัวเองในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าให้ลาออกจากงานประจำมาแล้วมาเปิดธุรกิจของตัวเองเลยนะครับ ถ้าหากเราทำงานประจำแล้วได้รายได้ดีก็สามารถทำต่อไปได้ ซึ่งสามารถนำทั้งรายได้และก็ความสามารถที่เราทำงานประจำตรงนั้นมาสร้างงานธุรกิจของตัวเองนอกเวลาทำงานได้

บทนี้ที่คุณโรเบิร์ตอยากให้โฟกัสก็คือ ให้พยายามสร้างเครื่องผลิตเงินหรือการสร้างทรัพย์สินต่อเนื่อง

ทรัพย์สิน

-ธุรกิจ (การทำธุรกิจสามารถทำเงินได้มาก และมีกระแสเงินสดไปลงทุนทำอย่างอื่นได้)

-อสังหาริมทรัพย์ (หมายถึงการลงทุนเพื่อค่าเช่าเท่านั้น ซึ่งเป็นการสร้างทรัพย์สินอย่างแท้จริง ไม่ใช่ซื้อมาเพื่อเก็งกำไร เพราะการเก็งกำไรเป็นการลงทุนบนข้อคิดเห็น ไม่ใช่ข้อเท็จจริง)

-ตราสารทางการเงิน เช่น หุ้น กองทุนรวม เป็นต้น ซึ่งก็ต้องเป็นการซื้อมาเพื่อได้รับเงินปันผล ไม่ใช่เพื่อเก็งกำไรเช่นกัน

-ทรัพย์สินทางปัญญา เช่น งานเขียน งานเพลง สิทธิบัตร เป็นต้น

ไอเดียพ่อรวยสอนลูกข้อสี่ คือ คนรวยรู้ที่มาของภาษี และสามารถบริหารภาษีเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ไอเดียการเงิน พ่อรวยสอนลูก

ทุกคนต่างรู้ดีว่าภาษีนั้น คือ สิ่งที่ลดความมั่นคั่งของเราลงมา แต่มีน้อยคนนักที่จะเรียนรู้วิธีการเสียภาษีให้ลดลง 

ซึ่งวิธีการของพ่อรวยนั้นคือวิธีการลงทุนในรูปแบบนิติบุคคล

สำหรับคนรวยที่เป็นเป็นเจ้าของธุรกิจในรูปแบบนิติบุคคล เมื่อมีรายได้เข้ามาเต็มจำนวน สามารถนำรายจ่ายของธุรกิจมาหักเพื่อลดหย่อนภาษี และยังสามารถนำรายจ่ายส่วนตัวมาลดหย่อนได้อีกด้วย

ในทางกลับกัน สำหรับคนชั้นกลาง คนจน เมื่อมีรายได้เข้ามาเต็มจำนวนกลับต้องนำรายได้ทั้งหมดนี้ไปเสียภาษีเต็ม หรืออาจกล่าวได้ว่ารายได้ ได้ถูกหักภาษีก่อนที่จะถึงมือเราไปแล้ว ยกตัวอย่างเช่น ภาษีหัก ณ ที่จ่าย (หักเก็บไว้ส่วนนึงกับรัฐไปแล้ว)

นอกจากนี้ยังมีกฎหมายที่เอื้อให้ระบบเจ้าของธุรกิจในรูปแบบนิติบุคคลอีก เช่น การฟ้องร้องหากนิติบุคคลนั้นได้มีการครอบครองทรัพย์สินอะไรรายชื่อตนเองก็ไม่ต้องเสียทรัพย์ใดๆเลย

ดังนั้นถ้าหากคุณเข้าใจในเรื่องของภาษี กฎหมายต่างๆจะสามารถทำให้คุณมีลดรายจ่ายได้ฮวบฮาบ และสามารถสร้างความมั่งคั่งได้มากขึ้น

ไอเดียพ่อรวยสอนลูกข้อห้า คือ คนรวยพิมพ์เงินใช้เอง 

ไอเดียการเงิน พ่อรวยสอนลูก

คนรวยพิมพ์เงินใช้เองในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าผลิตแบงค์ปลอมขึ้นมาใช้เองนะครับ แต่มันหมายถึงว่าคนรวยมีทรัพย์สินที่ตัวเองครอบครองมากซึ่งเหมือนกับตู้ ATM ที่สามารถผลิตเงินได้อย่างอัตโนมัติ สามารถผลิตกระแสเงินสดออกมาให้คนรวยใช้ได้อย่างต่อเนื่องได้

คุนโรเบิร์ตยังแนะนำอีกด้วยว่า “Money is idea” หรือเงินคือความคิด 

ที่ไหนมีปัญหา ที่นั่นย่อมสามารถสร้างเงินได้ ถ้าหากคุณมีไอเดียที่สามารถสร้างประโยชน์แก่คนอื่นได้ตัวอย่างเช่น 

โรงงานผลิตรองเท้าออกมาเพื่อให้คนสามารถเดินสบายขึ้นไม่เหยียบหิน 

ติวเตอร์สอนพิเศษสอนเด็กนักเรียนเพื่อให้นักเรียนมีคะแนนที่ดีขึ้นหรือสอบมหาวิทยาลัยได้

โค้กซีโร่ผลิตออกมาเพื่อให้คนสามารถดื่มแล้วสดชื่นและไม่ทำให้อ้วน

ดังนั้นถ้าคุณมีไอเดียบางอย่างที่สามารถแก้ปัญหาอะไร หรือสามารถสร้างประโยชน์บางอย่างให้คนอื่นได้ คุณก็จะสามารถสร้างเงินได้ ดังนั้นปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าคุณมีเงินหรือเปล่า แต่คุณมีไอเดียหรือเปล่าต่างหากครับ

ไอเดียพ่อรวยสอนลูกข้อหก คือ คนรวยทำงานเพื่อเรียนรู้ 

ไอเดียการเงิน พ่อรวยสอนลูก

นอกจาก “เงินคือความคิด” แล้ว “เงินยังสามารถสร้างมาจากจากทักษะ” ที่เราได้เรียนรู้มาตั้งแต่วัยเยาว์อีกด้วย

อย่างแรกที่คุณโรเบิร์ตแนะนำก็คือ ความรู้ทางด้านการเงินพื้นฐาน เช่น เรื่องบัญชี ภาษี หลักการและวิธีการลงทุน ความเข้าใจเกี่ยวกับการตลาด ความรู้เรื่องกฎระเบียบ ข้อกฎหมาย ทักษะด้านการบริหารกระแสเงินสด ระบบ และคน

นอกจากนี้คุณโรเบิร์ตยังเน้นย้ำในเรื่องของทักษะหรือประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้มาตั้งแต่สมัยเรียนจนถึงที่ทำงานที่เราสามารถต่อยอดไปมากกว่านี้เพื่อสร้างเงินได้ 

เช่น

ถ้าคุณเป็นคุณครูในโรงเรียน คุณมีทักษะในเรื่องการสอน คุณสามารถนำการสอนนี้มาพัฒนาต่อไม่ว่าจะเป็นการสอนอัดคลิปวีดีโอลง YouTube เพื่อเป็นการสร้างตัวตนในโลกออนไลน์และสามารถกินค่าโฆษณารวมถึงสามารถสร้างฐานลูกค้าที่เป็นเด็กนักเรียนได้อีกด้วย 

และความรู้สุดท้ายที่คุณโรเบิร์ตได้แนะนำก็คือทักษะด้านการขาย การตลาด และระบบที่คุณต้องพยายามเรียนรู้จากการทำงาน  คุณโรเบิร์ตถึงกับลาออกจากงานประจำที่มั่นคงของตัวเองมาเป็นเซลล์ที่บริษัทซีร็อกซ์เพื่อจุดประสงค์ที่จะฝึกฝนวิชาการขายโดยเฉพาะ 

ในช่วงแรกนั้นเป็นช่วงที่ยากลำบากมากสำหรับเขาเพราะไม่สามารถขายของได้เลยแต่เมื่อได้ทำการเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอยู่เรื่อยๆก็สามารถมาเป็น Top sale ของบริษัทซีร็อกซ์ ได้ภายในระยะเวลาไม่กี่ปี และคุณโรเบิร์ตก็ได้นำทักษะนี้ออกมาในการประกอบธุรกิจจนสามารถร่ำรวยเป็นมหาศาลได้ถึงทุกวันนี้ 

ถึงแม้ว่าคุณจะมีทักษะระดับเทพแค่ไหนแต่ถ้าหากคุณขายของไม่เป็นก็ไม่สามารถสร้างรายได้ในระดับที่พึงพอใจได้อยู่ดี 

ดังนั้นสำหรับคนที่ทำงานประจำอยู่ให้พยายามเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในเรื่องของการขายและการตลาดของบริษัทคุณเองให้ได้มากที่สุดนะครับ แต่ถ้าไม่มีโอกาสนั้นก็สามารถเรียนรู้จากโลกออนไลน์ก็ได้ ในยุคดิจิตอลนี้ มีความรู้ฟรีที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายทั้งใน Google, YouTube และสามารถนำไปใช้ได้จริงครับ 

ถ้าหากใครสนใจสามารถสั่งหนังสือเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงค์นี้นะครับ


แนะนำบทความที่น่าสนใจ

1 thought on “[สรุป+ไอเดีย] การเงินของ พ่อรวยสอนลูก”

  1. Pingback: 5 เทคนิคง่ายๆ ในการทำ To Do List ให้มีประสิทธิภาพ [เพื่อชีวิตที่ดีกว่า] - Book Intelligent

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *