[สรุปหนังสือ + รีวิว] The Law Of Power (กฎ 48 ข้อ ที่จะทำให้คุณมีอำนาจเหนือใคร)

[สรุปหนังสือ + รีวิว] The 48 Laws Of Power (กฎ 48 ข้อ ที่จะทำให้คุณมีอำนาจเหนือใคร)

หนังสือเล่มนี้ คุณ โรเบิร์ต กรีน (Robert Greene) ได้เรียบเรียงและนำเสนอขึ้นมาโดยอ้างอิงจากหลักการทางประวัติศาสตร์ที่เป็นเรื่องจริง ทั้งทางด้านศาสตร์ตะวันตกและตะวันออก การเมือง การทหาร พิชัยสงครามด้านการรบของจีน ซึ่งในหนังสือจะมีการยกตัวอย่างประกอบมาค่อนข้างเยอะมาก แต่ในคอนเทนต์นี้จะนำเสนอเฉพาะหัวใจหลักๆ ของ The 48 Laws Of Power (กฎ 48 ข้อ ที่จะทำให้คุณมีอำนาจเหนือใคร)

หลายๆคนอาจเข้าใจว่า “อำนาจ” คือสิ่งชั่วร้าย ถ้าหากเราใช้อำนาจไปในทางที่ผิด แน่นอนครับก็คงทำให้เกิดอันตรายมหาศาล แต่ในโลกปัจจุบันเป็นโลกที่แก่งแย่งชิงดี ทั้งในด้านการดำเนินชีวิต ด้านการงาน ด้านการเติบโต คงต้องเรียนตามตรงว่าโลกของเราก็เป็นแบบนี้แหล่ะครับ และคงไม่มีใครอยากจะมาเล่าและสอนถึงกลยุทธ์เหล่านี้ให้กับคนทั่วไปฟัง เพราะมันทำให้ตัวเองอันนั้นดูไม่ดี เห็นแก่ตัว และดูเป็นคนที่จะพร้อมหาประโยชน์ใส่ตัวได้โดยเสมอ

ดังนั้นจุดประสงค์เนื้อหาคอนเทนต์นี้จะนำเสนอเพื่อให้เราเข้าใจถึงหลักการต่างๆ ให้รู้ถึงเลห์เหลี่ยมเพื่อเอาไว้เกราะป้องกันตัว ไม่โดนหลอก รวมถึงการประพฤติพฤติกรรมให้เหมาะในสถานการณ์ต่างๆ ดั่งสำนวนที่ว่า “อยู่เป็น” จากหนังสือ The 48 Laws Of Power (กฎ 48 ข้อ)

สารบัญ

กลยุทธ์ที่ 1 : อย่าทำตัวเด่นเกินนาย (Never outshine the master)

เมื่อใดก็ตามที่คุณเด่นเกินนาย จะทำให้เจ้านายของคุณไม่รู้สึกปลอดภัย กังวลและหวาดระแวงคุณดังนั้นคุณต้องให้เจ้านายของคุณรู้สึกว่าเขาเก่งและฉลาดกว่าคุณ แล้วคุณจะได้รับผลประโยชน์

 

กลยุทธ์ที่ 2 : อย่าไว้ใจเพื่อนฝูง และเรียนรู้การใช้ประโยชน์จากศัตรู (Never put too much trust in friends, learn how to use enemies)

จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา เพื่อนสนิทมักคิดไม่ซื่อทำให้เกิดการหักหลังกันอยู่บ่อยๆ ให้ระมัดระวังอย่าเชื่อใจเพื่อนมากเกินไป และให้เรียนรู้ที่ใช้งานศัตรูเพราะคุณรู้ถึงนิสัยใจคอของศัตรู อีกทั้งศัตรูเมื่อได้รับโอกาสย่อมอยากแสดงฝีมือและอาจมากลายเป็นมิตรกันในอนาคต

 

กลยุทธ์ที่ 3 : อย่าให้ใครรู้เจตนาจริงๆของคุณ (Conceal your intentions)

อย่าเปิดเผยความคิดจริงๆของคุณ ในยามสงครามถ้าหากเราไม่เปิดเผยความคิด ข้าศึกไม่รู้ก็ย่อมทำให้รับมือลำบากและไม่มีใครสามารถทำอะไรคุณได้ และเมื่อกว่าจะรู้ย่อมสายเกินไปแล้ว

 

กลยุทธ์ที่ 4 : พูดให้น้อยกว่าที่จำเป็น (Always say less than necessary)

ยิ่งพูดมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งเปิดเผยตัวตนมากขึ้นเท่านั้น อีกทั้งบางที่ยังเปิดการเปิดเผยข้อมูลที่ดูน่าโง่เขลา คนที่มีพลังอำนาจที่แท้จริงย่อมไม่พูดเยอะ

 

กลยุทธ์ที่ 5 : ปกป้องชื่อเสียงของคุณเท่าชีวิต (So much depends on reputation-Guard it with your life)

ชื่อเสียงของคุณสำคัญที่สุด ให้ปกป้องเท่าชีวิตอย่าให้มีด่างพล้อย บางคนไม่มีกระทั่งฝีมือแต่ชื่อเสียงดีก็สามารถสร้างโอกาสได้ อีกทั้งมันยังเป็นเกราะป้องกันตัวคุณด้วย

 

กลยุทธ์ที่ 6 : สร้างจุดเด่นให้เหนือใคร (Court attention at all cost)

คนเรามักตัดสินใจที่ภายนอก ถ้าคุณไม่มีอะไรโดดเด่นย่อมถูกลืมอย่างรวดเร็ว ดังนั้นคุณต้องทำตัวให้โดดเด่น มีเสน่ห์และน่าสนใจ

 

กลยุทธ์ที่ 7 : ให้คนอื่นทำงานให้คุณและคุณรับเครดิตนั้นด้วย (Get others to do the work for you, but always take the credit)

ถ้าคุณรู้จักวิธีการใช้คนทำงาน คุณจะประหยัดเวลาและพลังงานในการทำงานของตัวเอง อีกทั้งคุณยังได้ผลงานที่ดีและได้รับเครดิตนั้นด้วย

 

กลยุทธ์ที่ 8 : วางเหยื่อล่อให้คนอื่นเข้าหาคุณ (Make other people come to you, use bait if necessary)

คนที่มีอำนาจคือคนที่สามารถมีสิทธิควบคุม คุณไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าหาคนอื่นก่อน แต่คุณควรดึงดูดให้คนอื่นมาหาคุณ แล้วคุณจะควบคุมทุกอย่างได้ดั่งใจ

 

กลยุทธ์ที่ 9 : เอาชนะด้วยการกระทำไม่ใช่คำพูดโต้เถียง (Win through your actions, never through argument)

การเอาชนะด้วยคำพูดโต้เถียงไม่ใช่ชัยชนะที่เด็ดขาดและจะนำไปสู่ความไม่พอใจ ถ้าหากทำให้คุณอี่นเห็นด้วยกับคุณด้วยการกระทำที่ไม่บอกกล่าว จะเป็นการชัยชนะที่เด็ดขาดและทรงพลัง

 

กลยุทธ์ที่ 10 : หลีกเลี่ยงคนที่ไม่มีความสุขและโชคร้าย (Infection : avoid the unhappy and unlucky)

ความทุกข์เปรียบเสมือนโรคร้าย มันสามารถติดต่อกันได้ ถ้าคุณที่คุณคบเป็นคนทุกข์ คุณก็จะทุกข์ตามไปด้วย ถ้าคนที่คุณคบโชคร้าย คุณก็จะโชคร้ายตามไปด้วย ดังนั้นคุณจึงควรอยู่ในกลุ่มคนที่มีความสุขและโชคดี

 

กลยุทธ์ที่ 11 : ทำให้คนอื่นต้องการคุณ (Learn to keep people dependent on you)

ยิ่งมีคนต้องการคุณมากเท่าไร มันยิ่งเป็นเรื่องดีมากขึ้นเท่านั้น ถ้าคนอื่นต้องการคุณและพึ่งพาคุณ คุณจะมีอำนาจและเป็นอิสระอย่างมาก คุณอาจสอนเทคนิคคนอื่นบ้างได้ แต่ควรเลือกเก็บเทคนิคดีๆไว้บางอย่างเพื่อรักษาอำนาจที่คุณมีต่อไป

 

กลยุทธ์ที่ 12 : ใช้ความซื่อสัตย์และความใจกว้างอย่างมีชั้นเชิงเพื่อให้เหยื่อตายใจ (Use selective honesty and generosity to disarm your victim)

การแสดงความซื่อสัตย์จริงใจและความใจกว้างแก่พวกเขาเหล่านั้นจะผ่อนคลายและเชื่อใจคุณมากขึ้น แม้กระทั่งคนที่เป็นศัตรูกับคุณเองก็เริ่มเปิดใจกับคุณ ทำให้คุณสามารถลวงและควบคุมคนเหล่านั้นได้ตามใจหวัง

 

กลยุทธ์ที่ 13 : เมื่อคุณต้องการขอความช่วยเหลือ ต้องกระทำเหมือนคนเหล่านั้นจะได้รับผลประโยชน์ อย่าต้องใช้การขอกรุณาหรือการขอบคุณ (When asking for help, appeal to people’s self-interest, never to their mercy or gratitude)

ถ้าคุณจำเป็นที่ต้องพึ่งพาคนใดคนหนึ่งให้ช่วยเหลือ อย่าได้กล่าวถึงเรื่องที่คุณเคยช่วยเหลือพวกเขาในอดีตหรือการกระทำดีที่ผ่านมา พวกนั้นจะหาทางปฏิเสธ ดังนั้นควรจะร้องขอบุคคลเหล่านั้นโดยการอ้างถึงประโยชน์ที่พวกเขาจะได้รับ และเน้นสัดส่วนที่เขาจะได้จากสัดส่วนทั้งหมด พวกเขาก็อยากที่จะทำเมื่อรู้ว่าจะได้รับประโยชน์ตอบแทน

[สรุปหนังสือ + รีวิว] The 48 Laws Of Power (กฎ 48 ข้อ ที่จะทำให้คุณมีอำนาจเหนือใคร)

กลยุทธ์ที่ 14 : ทำตัวให้เหมือนเพื่อนเพื่อคอยหาข้อมูล (Pose as a friend, work as a spy)

รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครับ คุณสามารถเอาชนะคู่แข่งได้อย่างง่ายดายโดยการทำตัวเป็นเพื่อนกับพวกเขา ค่อยๆถามพวกเขาให้เปิดเผยข้อมูลออกมา

 

กลยุทธ์ที่ 15 : ตีงูต้องตีให้ตาย (Crush your enemy totally)

เมื่อคุณได้สู้กับใครก็ตาม อย่าปล่อยให้เขามีโอกาสรอดไปได้ คุณต้องทำลายเขาให้สิ้นซากเพราะถ้าหาคุณปล่อยเขาไป เขามีโอกาสกับมาทำร้ายคุณได้ในอนาคต

 

กลยุทธ์ที่ 16 : มีระยะห่างเพื่อสร้างความน่าเกรงขาม (Use absence to increase respect and honor) 

การปรากฎตัวเป็นประจำจะทำให้ราคาของคุณนั้นต่ำลง ถ้าคุณปรากฏตัวและถูกกล่าวถึงมากเท่าใด คุณก็จะกลายเป็นคนธรรมดาขึ้นเท่านั้น ถ้าหากคุณได้จัดสร้างกลุ่มของคุณไว้เรียบร้อยแล้ว การถอนตัวออกจากพวกนั้นบางครั้ง จะทำให้คุณถูกกล่าวขานมากยิ่งขึ้น รวมทั้งคำชื่นชมด้วย คุณควรที่จะเรียนรู้ว่าเมื่อใดที่ควรจะไป สร้างคุณค่าด้วยการขาดหายบ้าง

 

กลยุทธ์ที่ 17 : ทำให้คนอื่นต้องกังวลโดยสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ (Keep Others in suspended terror : Cultivate an air of unpredictability)

สิ่งใดก็ตามที่คาดเดาไม่ได้นั้นจะรับมือจัดการได้ยาก ถ้าคนอื่นไม่รู้เลยว่าคุณคิดหรือจะทำอะไร พวกเขาก็ยิ่งกังวลมากขึ้นเท่านั้น กลยุทธ์นี้จึงช่วยให้คุณสร้างความกังวลให้กับผู้อื่นและสร้างอำนาจให้คุณได้เป็นอย่างดี

 

กลยุทธ์ที่ 18 : ยิ่งโดดเดี่ยวยิ่งเป็นภัย (Do not build fortresses to protect yourself – isolation is dangerous)

โลกใบนี้มีอันตรายรอบด้านและศัตรูก็อยู่ทุกหนแห่ง ทุกคนควรป้องกันตัวเอง เกราะที่สร้างไว้ดูเหมือนจะปลอดภัย แต่การอยู่แบบโดดเดี่ยวนั้นจะทำให้คุณตกเป็นอันตรายมากกว่า เนื่องจากมันจะตัดขาดคุณจากข่าวสารที่มีค่าทำให้คุณกลายเป็นเป้าหมายได้ง่าย พยายามเกาะกลุ่มอยู่ในฝูงชน หาพันธมิตรและพูดคุยกับผู้อื่น คุณก็สาสารถที่จะได้รับการปกป้องจากฝูงชนได้

 

กลยุทธ์ที่ 19 : ประเมินให้ดีว่ากำลังต่อรองอยู่กับใคร (Know who you’re dealing with – do not offend the wrong person)

มีคนหลากหลายประเภทในโลกใบนี้ คุณควรรู้ว่าคนที่คุยกำลังต่อรองด้วยอ่อนแอหรือแข็งแกร่งเพียงใด เพื่อหาวิธีเจรจา ต่อรองที่ดีที่สุด สิ่งสำคัญที่สุดอย่าไปเล่นงานหรือปีนเกลียวกับคนที่แข็งแกร่งเป็นอันขาด

 

กลยุทธ์ที่ 20 : อย่าผูกมัดตนเองกับใคร (Do not commit to anyone)

อาจจะไม่ฉลาดนักถ้าคุณได้เลือกฝ่ายไปแล้ว อย่าได้ผูกมัดกับฝ่ายใด หรือเหตุผลใดนอกจากตนเอง การที่คุณเป็นอิสระไม่ขึ้นกับใคร จะทำให้คุณเป็นที่ต้องการของทุกฝ่าย ทำให้คนอื่นต่อสู้กันเองแล้วพวกนั้นเขาจะมาหาคุณ

 

กลยุทธ์ที่ 21 : ทำตัวให้โง่เพื่อลวงคนโง่ พยายามทำตนเองให้ดูเหมือนต่ำต้อย (Play a sucker to catch a sucker – seem dumber than you mark)

ไม่มีใครอยากโง่กว่าคนอื่น เทคนิคคือทำให้เหยื่อรู้สึกว่าตัวเองฉลาด ไม่ใช่เท่านั้น ยังต้องฉลาดกว่าเราด้วย ทันใดที่เขาคิดว่าตัวเองฉลาดแล้วพวกเขาก็จะไม่สงสัยเลยว่าเราจะมีแผนร้ายซ่อนอยู่

 

กลยุทธ์ที่ 22 : หัดยอมแพ้เพื่อเปลี่ยนจุดอ่อนให้เป็นจุดแข็ง (Use the surrender tactic : transform weakness into power)

ถ้าคุณอ่อนแอกว่าคู่ต่อสู้ของคุณ คุณก็ไม่จำเป็นต้องสู้เพื่อรอวันแพ้ คุณต้องหัดยอมแพ้ให้เป็น คุณจะได้มีเวลาสำหรับเตรียมตัวแข็งแกร่งและรอโอกาสที่เหมาะสมเพื่อสู้กับเขาใหม่อีกครั้ง

 

กลยุทธ์ที่ 23 : สร้างจุดแข็งของตัวเอง (Concentrate your forces)

ถ้าคุณอยากมีอำนาจ คุณต้องเก่งกว่าใคร คุณต้องเลือกการสร้างจุดแข็งของตัวเองและฝึกฝนให้เก่งที่สุด อย่าเสียพลังงานและเวลาของคุณไปกับการฝึกมั่นทุกศาสตร์ความรู้

 

กลยุทธ์ที่ 24 : เก่งให้ได้แบบขุนนาง (Play the perfect courtier)

ขุนนางในอดีตนั้นเป็นคนที่เก่งหลายด้าน ทั้งการวางตัว การเอาอกเอาใจ การสร้างภาพ การเจรจา การวางแผน ความสามารถเหล่านี้ทำให้ผู้อื่นต้องเคารพ

 

กลยุทธ์ที่ 25 : พัฒนาตัวเอง (Re-create yourself)

อย่ายอมรับบทบาทที่สังคมบังคับให้คุณเป็น พัฒนาตนเองให้สามารถมีเอกลักษณ์อื่น บุคคลที่สามารถสร้างความสนใจและไม่น่าเบื่อ เป็นคนที่สร้างภาพพจน์ตนเองดีกว่าที่จะให้คนอื่นสร้างให้ ร่วมมือ และร่วมกิจกรรมกับสารณชน(คนอื่น) พลังอำนาจของเราก็จะเพิ่มพูนขึ้น ซึ่งคุณลักษณะของเราก็จะมากขึ้นกว่าเดิม

 

กลยุทธ์ที่ 26 : อย่าให้มือของคุณต้องแปดเปื้อน (Keep your hand clean)

หากคุณต้องทำงานที่มีสีเทา หรือสกปรก ให้คนอื่นทำงานแทนคุณ อย่าปล่อยให้มือของคุณต้องแปดเปื้อนกับงานเหล่านี้ เพราะมันอาจส่งผลเสียกับชื่อเสียงของคุณได้

 

กลยุทธ์ที่ 27 : ใช้ความต้องการของคนอื่นสร้างความเชื่อถือให้คุณ (Play on people’s need to believe to create a cultlike following)

คนทั่วไปมีศรัทธาอย่างแรงกล้าในความเชื่อบางอย่าง เมื่อคนเราเชื่อสิ่งใดแล้วพวกเขาก็พร้อมที่จะทำตามคำสั่งอย่างไม่มีเงื่อนไข ถ้าคุณอยากมีอำนาจ คุณต้องทำให้คุณอื่นเชื่อใจคุณ คุณอาจใช้คำพูดเพื่อสร้างแรงบันดาลใจหรือพิธีการอะไรสักอย่างก็ได้ แล้วคนอื่นจะยอมทำตาในสิ่งที่คุณต้องการ

 

กลยุทธ์ที่ 28 : ลงมือทำอย่างเด็ดเดี่ยว (Enter action with boldness)

ถ้ายังไม่มี่่นใจในหนทางที่จะกระทำ ก็อย่าทำเลย เพราะการลังเลสงสัยจะส่งผลต่อการปฎิบัติ ความหวาดกลัวนั่นเป็นอันตราย ความผิดพลาดใดๆที่เกิดขึ้นคุณจะต้องรับภาระอย่างโง่ๆ ดังนั้นให้แน่ใจก่อนว่าคุณพร้อมและกล้าหาญพอที่จะลงมือทำ

 

กลยุทธ์ที่ 29 : ทุกอย่างต้องมีแผน (Plan all the way to the end)

หากคุณอยากประสบความสำเร็จต้องมีการวางแผนลงรายละเอียด การมองถึงโอกาสและอุปสรรคในการดำเนินการข้างหน้าจะช่วยให้คุณสามารถดำเนินการตามแผนและก้าวหน้าไปได้อย่างราบรื่น จากนั้น อำนาจ เงินทอง ความสำเร็จจะเข้ามาหาคุณเอง

 

กลยุทธ์ที่ 30 : ทำทุกอย่างให้ดูเป็นเรื่องง่าย (Make your accomplishments seem effortless)

ทุกความสำเร็จที่คุณได้มา ต่อให้ยากลำบากแค่ไหน คุณก็ไม่จำเป็นต้องบอกใคร เพราะเขาจะรู้และขั้นตอนสู่ความสำเร็จของคุณ อย่าสอนใครให้รู้กลเม็ด มิฉะนั้นพวกเขาจะใช้มันจัดการกับเรา

 

กลยุทธ์ที่ 31 : ควบคุมทางเลือกต่างๆ โดยการทำให้คนอื่นต้องเล่นตามบทที่เรากำหนด (Control the options : get others to play with the cards you deal)

การล่อลวงที่ดีที่สุดก็คือ ทำให้คนอื่นคิดว่ามีตัวเลือก เหยื่อพวกนั้นก็จะรู้สึกว่าพวกเขาเป็นผู้ควบคุมสถานการณ์ แต่จริงๆสิ่งที่เราได้กำหนดไว้แล้ว การให้ทางเลือกแก่ผู้อื่นที่คุณคัดสรรแล้ว จะเป็นประโยชน์แก่คุณทั้งสิ้น บีบบังคับให้ผู้อื่นต้องเลือกแนวทางที่ย่ำแย่ต่างๆ ซึ่งก็จะบรรลุเป้าหมายของคุณ ทำให้พวกเขาอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก พวกเขาก็จะย่ำแย่ ถ้าหากคิดจะเปลี่ยนแปลง

 

กลยุทธ์ที่ 32 : ทำให้ทุกคนฝันหวาน (Play to people’s fantasies)

มนุษย์ทุกคนพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อความฝัน หากคุณรู้จักวิธีการสร้างฝันให้คนอื่น แล้วพวกเขาก็จะมอบอำนาจให้คุณกลับมา

 

กลยุทธ์ที่ 33 : หาจุดอ่อนของแต่ละคนให้เจอและเล่นงานที่ตรงนั้น (Discover each man’s thumbscrew)

ทุกคนย่อมมีจุดอ่อน คุณแค่ต้องต้องหามันให้เจอและกดดันมันเข้าไว้ ก็จะเกิดประโยชน์แก่คุณ

 

กลยุทธ์ที่ 34 : วางตัวให้ตนเองดูน่าเคารพ (Be royal in your own fashion : act like a king to be treated like one)

ยิ่งตัวคุณวางตัวได้น่าเคารพเท่าไร คนอื่นก็ยิ่งเคารพคุณมากขึ้นเท่านั้น

 

กลยุทธ์ที่ 35 : ควบคุมจังหวะเวลาให้ดี (Master the art of timing)

บางครั้งคุณทำถูกแต่ผิดเวลา มันหมายถึงคุณทำผิดดังนั้นคุณต้องรู้จักควบคุมจังหวะเวลาให้ดี คุณไม่จำเป็นต้องรีบร้อน แต่ควรจะรู้ว่าเวลาควรจะรอและเวลาไหนควรจะลงมือทำ

 

กลยุทธ์ที่ 36 : อย่าไปใส่ใจกับสิ่งที่คุณไม่มีมัน (Disdain things you cannot have : ignoring them is the best revenge)

ของสิ่งใดที่คุณไม่มีก็ไม่ต้องไปสนใจมัน ยิ่งคุณไม่สนใจมันเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งเหนือกว่ามันเท่านั้นเหมือนดังศัตรูของคุณ หากคุณสนใจศัตรูมากเท่าไหร่ พวกมันก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น แต่ถ้าคุณเพิกเฉย พวกเขาก็จะอยู่ในความกลัวแทน

 

กลยุทธ์ที่ 37 : สร้างสิ่งที่มองเห็นให้เกิดขึ้น (Create compelling spectacles)

สร้างจินตนาการหรือลักษณะท่าทางที่มีพลังอำนาจในสิ่งที่ทุกคนต้องการอยากได้ สร้างสิ่งเหล่านั้นให้อยู่รอบๆคุณ จากนั้นหาสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงมันจากนั้นใช้การปรากฏตัวโดยไม่เห็นกายทำให้คนอื่นไม่รู้ตัวว่าคุณกำลังทำอะไร ยกตัวอย่าง เช่นการโพสรูปอยู่กับรถหรูกับการเล่นหุ้น , บ้านหลังใหญ่ได้มาจากการขายประกัน

 

กลยุทธ์ที่ 38 : เป็นตัวของตัวเอง แต่ปฎิบัติตัวให้เหมือนกับคนอื่น (Think as you like but behave like others)

ไม่มีประโยชน์ที่คุณจะแสดงความเห็นอะไรที่ขัดกับสังคมมากเกินไป พวกเขาจะคิดว่าคุณอวดดี ดูถูกคุณและจะหาวิธีลงโทษคุณทำให้พวกคุณไม่มีความปลอดภัย ดังนั้นคุณจึงควรทำตัวให้เหมือนปกติชน และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเฉพาะเพื่อนหรือคนที่ยอมรับให้ตัวคุณเท่านั้น

 

กลยุทธ์ที่ 39 : ควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้เยือกเย็น แต่จัดการกับอารมณ์ของคนอื่น (Stir up waters to catch fish)

ความโกรธและอารมณ์ที่รุนแรงนั้นเป็นวิธีการที่ดี คุณต้องเยือกเย็นและมีเป้าหมาย เมื่อใดที่คุณสร้างความโกรธแก่ศัตรู ขณะที่คุณเยือกเย็นอยู่ได้ คุณก็จะได้รับประโยชน์ พยายามทำให้ศัตรูขาดสมดุล หาจุดอ่อนในความภาคภูมิใจของศัตรูให้พบ แล้วเน้นที่จุดนั้น

 

กลยุทธ์ที่ 40 : ระวังภัยจากของฟรี (Despise the free lunch)

อะไรก็ตามที่ได้มาฟรีเป็นสิ่งที่น่าอันตราย มักมีวัตถุประสงค์แอบแฝงอยู่เสมอ ดังนั้นคุณต้องรู้เท่าทันมัน อย่าติดหนี้บุญคุณใคร คุณควรจะฉลาดที่จะจ่ายครบถ้วน ไม่มีอะไรที่ยอดเยี่ยมแต่ราคาถูก ใช้ความใจกว้างจากเงินของคุณ และทำให้เป็นประจำ ความใจกว้างเป็นสัญลักษณ์และดึงดูดอำนาจ

 

กลยุทธ์ที่ 41 : อย่าเดินตามรอยเท้าใคร (Avoid stepping into a great man’s shoes)

สิ่งใดที่เกิดก่อนย่อมได้รับการยอมรับมากกว่า การที่คุณเดินตามรอยเท้าใครย่อมเป็นหมายเลข 2 ดังนั้นคุณต้องสร้างเส้นทางแห่งความสำเร็จขึ้นมาด้วยวิธีการของคุณเอง อย่าตกอยู่ภายใต้ร่มเงารอยเท้าใคร

 

กลยุทธ์ที่ 42 : เล่นงานคนเลี้ยงแกะก่อนแล้วค่อยจัดการกับฝูงแกะ (Strike the shepherd and the sheep will scatter)

วิธีการสร้างปัญหานั้นจะเกิดจากการที่เราเล่างานบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญมากๆให้ตรงจุด ถ้าหากต้องการเล่นงานกับกลุ่มคนจำนวนมาก ให้คุณมองหาคนเลี้ยงแกะซึ่งเปรียบเสมือนผู้นำของเขาให้เจอ เมื่อผู้นำพ่ายแพ้ ฝูงแกะก็จะกระจัดกระจายเองโดยไม่ต้องทำอะไร

 

กลยุทธ์ที่ 43 : ทำงานด้วยหัวใจและเข้าถึงจิตใจของผู้อื่น (Work on the hearts and minds of others)

อย่าบังคับให้ผู้อื่นทำตามในสิ่งที่เราต้องการ เพราะการบังคับมักจะทำให้เกิดแรงต้านเสมอ แต่ควรใช้วิธีการจูงใจ ชนะใจพวกเขาให้ได้ก่อน จากนั้นพวกเขาจะยอมทำตามเป็นเบี้ยล่างที่ซื้อสัตย์ต่อคุณ

 

กลยุทธ์ที่ 44 : เลียนแบบทำให้ศัตรูหัวเสีย (Disarm and infuriate with the mirror effect)

จงทำในสิ่งที่ศัตรูทำ เพื่อทำให้ศัตรูของคุณได้เหมือนเผชิญหน้ากับตัวเอง พวกเขาจะรู้สึกโกรธ สับสน และแพ้ภัยตัวเองในที่สุด

 

กลยุทธ์ที่ 45 : กล่าวถึงสิ่งที่ต้องการเปลี่ยนแปลงแต่ไม่ต้องปฎิรูปมากในทันที (Preach the need for change, but never reform too much at once)

ทุกคนต่างเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่การเปลี่ยนแปลงมากเกินไปนั้นก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงและนำไปสู่การก่อกบฎ ถ้าหากคุณก้าวขึ้นเป็นผู้นำคนใหม่หรือมาจากตำแหน่งข้างนอก พยายามแสดงการเคารพวิธีการแบบเก่า ถ้าหากจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงจริงๆ ทำให้รู้สึกว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงจากของเดิมที่นุ่มนวล

 

กลยุทธ์ที่ 46 : อย่าพยายามทำตนให้เป็นคนสมบูรณ์แบบ (Never appear too perfect)

ถ้าคุณดูดีแลดูเด่นมากเกินไปมักเป็นอันตราย และจะเป็นอันตรายมากที่สุดถ้าคุณเป็นคนที่ไม่มีจุดบกพร่องหรือจุดอ่อนเลย ซึ่งจะเป็นการสร้างความอิจฉาให้กับศัตรูได้ เป็นเรื่องที่ดีที่ถ้าคุณจะมีความผิดพลาดบ้าง คนอื่นจะได้มองคุณเป็นมนุษย์ธรรมดา

 

กลยุทธ์ที่ 47 : อย่าพยายามทำเกินเป้าหมายที่วางไว้ เมื่อได้รับชัยชนะแล้ว เรียนรู้ที่จะหยุด (Do not go past the mask you aim for ; in victory, learn when to stop)

เส้นทางการได้รับชัยชนะมีโอกาสที่สร้างศัตรูอยู่เสมอ เมื่อคุณบรรลุเป้าหมายแล้วยังมุ่งหน้าที่จะไปต่อย่อมทำให้เกิดศัตรูมากกว่าเดิม ดังนั้นเมื่อได้รับชัยชนะแล้ว ให้เรียนรู้ที่จะหยุด

 

กลยุทธ์ที่ 48 : อย่ามีรูปแบบตายตัว (Assume formlessness)

การมีรูปแบบที่ตายตัวจะทำให้ศัตรูนั้นจับได้ ดังนั้นคุณจึงควรมีการปรับตัวและเคลื่อนไหวตลอดเวลา ตลอดเวลาทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลง ไม่มีรูปแบบตายตัว ดังนั้นคุณต้องทำตัวให้เหมือนน้ำ อย่ายึดติดกับรูปแบบพิธีการมากเกินไปจนคนอื่นสามารถจำทางคุณได้

เป็นยังไงกันบ้างครับ The 48 Law sOf Power เล่มนี้เนื้อหาค่อนข้างแน่นมากๆเลยทีเดียว หวังว่าเพื่อนๆจะนำเทคนิค กลยุทธ์ไปปรับใช้อย่างเหมาะสมได้ในชีวิตประจำวันนะครับ

———————————–

 อ่านบทที่น่าสนใจอื่นได้ดังนี้

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *